คุณค่าทางโภชนาการของส้มแมนดารินเพื่อสุขภาพ

 

ใครไม่รู้จักส้มแมนดารินแน่ใจว่าพวกคุณทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าส้มแมนดารินคืออะไร เด็กเล็กก็รู้ว่าผลไม้คืออะไร ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวสามารถพบได้ทุกที่ในโลก เรารับได้ทุกฤดูกาลโดยไม่ต้องรอถึงบางฤดูกาล เนื่องจากผลไม้สามารถเก็บเกี่ยวได้ในแต่ละฤดูกาล ผลไม้สีส้มมักทำในเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ส้มแมนดารินขึ้นชื่อในเรื่องของวิตามินซี ไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังดีที่จะเสิร์ฟเป็นเครื่องดื่มด้วย ถ้าคุณไปร้านน้ำแข็ง จะต้องมีน้ำส้มเตรียมไว้ให้ อย่างไรก็ตาม ยกเว้นวิตามินซี ยังมีผลส้มอีกมากมายที่ดีต่อสุขภาพ นี่คือเนื้อหาบางส่วนของส้มและประโยชน์ของมัน

ส้มแมนดารินเป็นที่รู้จักมากที่สุดด้วยปริมาณวิตามินซี

ส้มแมนดารินสามารถตอบสนองวิตามินซีได้ถึง 110% ที่ร่างกายต้องการ วิตามินซีสามารถลดอนุมูลอิสระในลำไส้ อนุมูลอิสระในลำไส้สามารถทำลาย และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ได้ โดยการลดอนุมูลอิสระ ความเสี่ยงมะเร็งจะลดลง ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของวิตามินซีก็คือระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันไข้หวัดและการติดเชื้อที่หู สารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผลไม้สีส้มมีประโยชน์ในการปกป้องผิว ส้มแมนดารินอนุมูลอิสระที่เกาะติดกับผิวหนังสามารถก่อให้เกิดความเสียหายที่สิ้นสุดด้วยการเกิดขึ้นของริ้วรอยสามารถปกป้องเซลล์ผิวจากการโจมตีของอนุมูลอิสระได้

มีข่าวดีเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่ามีหลักฐานบ่งชี้ว่าคนอเมริกันเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส้มแมนดารินสุขภาพล่าสุดที่รวบรวมโดยนิตยสารฟอร์จูนจัดอันดับผลไม้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ขายดีอันดับ 5 ในอเมริกา ส้มเป็นหนึ่งในผลไม้ในหมวดนี้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผลไม้ชนิดนี้ได้รับความนิยมคือความจริงที่ว่าอาหารวิสัยทัศน์นี้ไม่เพียงแต่อร่อยแต่ให้แคลอรีต่ำ และสามารถรับประทานเป็นอาหารว่างที่สะดวกสำหรับมื้อเช้า กลางวัน และเย็น

แต่ที่สำคัญกว่านั้นอาหารสำหรับดวงตานี้ยังเต็มไปด้วยวิตามิน

  • สารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการปกป้องสุขภาพโดยทั่วไปและสุขภาพดวงตาของเราอีกด้วยดังนั้นหากคุณกังวลเรื่องโภชนาการที่สามารถปกป้องและรักษาสายตาอันมีค่าของคุณได้
  • ส้มแมนดารินและสุขภาพตาส้มเป็นอาหารเพื่อสุขภาพดวงตาที่ประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินนี้ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์ ซึ่งรวมถึงซีแซนทีน ลูทีน และเบต้าแคโรทีน
  • ทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในการจัดหาสารอาหารป้องกันดวงตาจากโรคตา ที่เกี่ยวข้องกับอายุ เช่น จอประสาทตาเสื่อมที่อาจนำไปสู่การตาบอดกลางคืนนักโภชนาการกล่าวว่าวิตามินเอมีบทบาท
  • ในการช่วยให้ดวงตาประมวลผลแหล่งกำเนิดแสงอย่างเหมาะสม ส่งผลให้การมองเห็นตอนกลางคืนดีขึ้น สอบถามที่ https://fruitage.in.th/product-tag/%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99/

 

วิตามินอีส่วนหนึ่งในอาหารเสริมผิวขาว

วิตามินอีเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเสริมผิวขาวที่คนส่วนใหญ่ก็หาเลือกรับประทานเช่นกัน
โดยวิตามินอีสามารถพบได้ใน โปรตีน พืชผัก ผลไม้ ไขมัน บรอกโคลี ข้าวสาลี ถั่ว ธัญพืช เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งหากถ้าเทียบปริมาณอาหารเสริมผิวขาววิตามินอีกับพืชผักแล้ววันหนึ่งคงต้องทานผักหลายกิโลแน่แบบนี้คงไม่ไหว นอกจากนี้วิตามินอียังมีประโยชน์มากกว่าเป็นอาหารเสริมผิวขาว ดังนี้

  • วิตามินอีมีสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีผลป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ ต่ออวัยวะต่างๆของร่างกายจึงช่วยชะลอความแก่ก่อนวัย กระตุ้นผิวหนังคงสภาพและแข็งแรงขึ้น
  • วิตามินอีมีคุณสัมบัติเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ลดการเกิดสิวและจุดด่างดำบนใบหน้าจางลง จึงทำให้ผิวเปล่งปลั่ง และสดใสอยู่ตลอดเวลา
  • วิตามินอียังมีส่วนช่วยรักษารอยแผล สมานแผล ลดการอักเสบ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
  • การทานวิตามินอียังช่วยป้องกันอันตรายจากแสงแดดหรือแสงอุลตร้าไวโอเล็ตที่ทำลายเซลล์ผิวชั้นนอก ต้นเหตุของผิวหมองคล้ำ ฝ้ากระบนใบหน้า ส่งผลให้ผิวแก่ก่อนวัยอันควร

วิตามินอีจึงเป็นมากกว่าอาหารเสริมผิวขาวโดย healthdesign แต่ช่วยอะไรต่อนี้กับร่างกายค่อนข้างมากอยู่ทีเดียว

จากการมุมมองการเรียนทำอาหารปกติ สู่มุมมองการทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านอาหารและต่อ

อ่าโอครับ หลายต่อหลายครั้งเราก็อาจจะพูดถึงเรื่องการเรียนทำอาหารไปหลายต่อหลาย ๆ ครั้งแล้วนะครับ ทีนี้เราลองมาเริ่มต้นมองมุมมองใหม่ ๆ กันครับ อาจจะกล่าวได้ว่า ผมอาจจะพาท่านผู้อ่านทุกท่านเข้าสู่กระบวนการคิดทางธุรกิจในการสอนและเรียนทำอาหารก็เป็นได้ครับ ผมว่าธุรกิจนี้กำลังไปได้สวยนะครับ เนื่องจากในปัจจุบันผู้ที่สนใจจะเรียนทำอาหารจริง ๆ นั้นมีจำนวนมากครับ จุดที่แตกต่างกันจริง ๆ ก็คือว่า ใช่ว่าทุกคนจะทำอาหารได้อร่อยเหมือนกันทุกคนครับ

จากการมุมมองการเรียนทำอาหารปกติ สู่มุมมองการทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านอาหารและต่อ
จากการมุมมองการเรียนทำอาหารปกติ สู่มุมมองการทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านอาหารและต่อ

ในเรื่องของการเรียนทำอาหารของวันนี้ผมก็อาจจะมานำเสนอในตัวผู้สอนครับ ก่อนการเริ่มต้นทำธุรกิจเรียนทำอาหาร สิ่งแรกผมว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งและมีความสำคัญมากก็คือตัวผู้สอนครับ การเรียนทำอาหารแน่นอนครับไม่ว่าใครก็อาจจะทำได้ แต่การที่เราหาคนมาสอนได้อย่างรู้ลึกรู้จริง และรู้ไปถึงเรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภค ก็อาจจะทำให้เรามีหลักคิด แนวคิด ในการสร้างสรรค์อาหาร หรือว่าเราสามารถมีคนที่จะคอยแนะนำให้เราสามารถนำไปประกอบทำเป็นธุรกิจฟรีได้อีก

ดังนั้นผมคิดว่าในเรื่องของการเรียนทำอาหารนั้น ถ้าเราไม่มองหาบุคลากรดี ๆ เพื่อมาเป็นครูหรือที่ปรึกษาแก่เราดี ๆ ผมว่าอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสในความรู้ ความคิดไปอีกก็เป็นได้ครับ ดังนั้นการเรียนทำอาหาร เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองครับ แต่การเรียนรู้ทีดีอีกนัยหนึ่งคือการเรียนรู้เพื่อไปสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมนั่นเองครับ มีโอกาสได้รู้จักโรงเรียนสอนทำอาหาร http://www.mlpuang.com/ จึงทำให้ผมคิดได้ว่าที่โรงเรียนสอนทำอาหารนี่หล่ะจะมีครูยอดเยี่ยมเพื่อสอนทำอาหารโดยเฉพาะ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ผู้อ่านเห็นเหมือนกันมั่ยครับ หลักสูตรก็น่าสนใจ

 

สอนทำอาหาร ด้วยการรักษาและถนอมอาหารอย่างมะนาว

ในที่สุดเราก็กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ สำหรับวันนี้นะครับก็คงจะเป็นเรื่องเช่นเคยครับ ซึ่งคงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสอนทำอาหารอย่างแน่นอน โดยปกติแล้วผมก็สอนทำอาหารอยู่หลาย ๆ อย่างในโลกเว็บไซต์นะครับ แต่วันนี้นะครับอาจจะไม่ได้สอนทำอาหารโดยตรง แต่ก็มีบทความดี ๆ มาฝากท่านผู้อ่านทุกท่านเลยครับ ซึ่งแน่นอนเลยครับว่าบทความนี้นั้นผู้อ่านจะต้องถูกใจและชอบใจอย่างแน่นอนครับ เพราะว่าเป็นปัญหาของหลายครัวเรือนเลยทีเดียว ยังไงก็ลองอ่านดูครับ

สอนทำอาหาร ด้วยการรักษาและถนอมอาหารอย่างมะนาว
สอนทำอาหาร ด้วยการรักษาและถนอมอาหารอย่างมะนาว

สำหรับการสอนทำอาหารส่วนใหญ่ที่เราพูดถึงกันมักจะเป็นเรื่องของวิธีการทำโดยตรงเลย โดยที่เราเองก็ไม่ได้รู้กันเลยครับว่าบางสิ่งบางอย่างควรจะหาวิธีการถนอมมันไว้ อย่างเช่นผัก หรือผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ผู้คนต่างทิ้งขว้างกันมากมายเลยก็คือมะนาวครับ มะนาวเป็นสิ่งที่แต่งเติมความเปรี้ยวให้กับอาหารได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันเองมะนาวมีราคาที่แพงมาก ตกลูกละ 5 บาท ถ้าน้อยกว่านั้นก็อาจจะเป็นมะนาวที่ไม่ได้น้ำมากเท่าไหร่นัก

ดังนั้นในการสอนทำอาหารในครั้งนี้คงจะเป็นเรื่องวิธีการรักษาและถนอมมะนาวให้มีรสเปรี้ยว และมีอายุมากพอที่จะอยู่ให้เราได้ใช้กันนะครับ วิธีการถนอมและเก็บรักษาก็คือ หากใช้เสร็จแล้วให้ทำการล้างน้ำเปล่าให้สะอาด แล้วผึ่งให้แห้งนะครับ หรือถ้ามีเวลาหน่อย แนะนำให้ผู้อ่านเอาน้ำมันพืขทาที่ผิวมะนาวไว้ครับ จากนั้นให้ทำการมัดใส่ถุงรัดให้สนิทนะครับ สามารถนำไปแช่ตู้เย็นได้เลย ส่วนถ้าเป็นมะนาวที่มีการผ่าเรียบร้อยแล้วให้ทำการคั้นน้ำแล้วหาพาชนะมาใส่ไว้ครับ ทำการห่อถุงให้เรียบร้อยเหมือนกัน หรือหาแบบที่ปิดฝามิดชิดก็ได้ เพียงเท่านี้เราก็จะได้รสมะนาวที่คงที่ตลอดและไม่เสีย ไม่เน่าแล้วครับ สำหรับใครที่อยากเรียนทำอาหารโดยการมองหาครูผู้สอนทำอาหารดี ๆ ผมแนะนำให้ไปเรียนกับโรงเรียนสอนทำอาหารดีกว่าครับ อย่างเช่นโรงเรียนสอนทำอาหารของหม่อมหลวงพวง ทินกร http://www.mlpuang.com/ รายละเอียดทั้งหมดสามารถหาอ่านในเว็บไซต์นะครับ และสำหรับใครสนใจเมนูอาหารที่ผมสอนครั้งที่แล้วอย่างเต้าหู้ทรงเครื่อง ก็ลองไปอ่านกันได้เลยครับ